วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ชวนชื่นหรรษา

ชื่อโครงการ ชวนชื่น

ภาพรวมของธุรกิจ

ชวนชื่นเป็นโครงการเกี่ยวกับบ้านและที่อยู่อาศัย ซึ่งดำรงกิจการมายาวนานกว่า 50 ปี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นที่ความซื่อสัตย์ การบริการหลังการขาย การปรับเปลี่ยนรูปแบบและสไตล์ของบ้านให้ทันสมัยและตรงกับความต้องการของลูกค้าสูงสุด แต่จุดด้อยของชวนชื่น คือการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ครอบคลุมทั่วถึง มีการประชาสัมพันธ์ที่จำเจ จึงทำให้ไม่ดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าทั้งใหม่และเก่าเท่าที่ควร


กลุ่มเป้าหมาย

เพศ : หญิง / ชาย
อายุ : 20 – 35 ปี
ระดับการศึกษา : ปริญญาตรีขึ้นไป
สถานภาพ : โสด / สมรถ
รายได้ : มากกว่า 20,000 บาท / เดือน
พฤติกรรม : รักครอบครัว หรือสนใจบ้าน ให้เป็นของขวัญ ชอบออกแบบบ้าน ด้วยตัวเอง

แนวความคิด

“ออกแบบหรรษา กับเกมส์ปลูกบ้าน”
เด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่ง เรียนจบมาด้วยแรงกายแรงใจ ของแม่ ที่ขายขนมทั้งวัน เพื่อส่งลูกชายเรียนหนังสือ จนจบ ป.ตรี เมื่อเด็กหนุ่มเรียนจบ เด็กหนุ่มจึงตั้งใจทำงาน และเก็บเงินซื้อบ้านให้แม่ โดยเข้าไปออกแบบบ้านที่แม่ต้องการ ในเกมส์ออกแบบบ้าน ของชวนชื่น และตัดสินใจ ให้ชวนชื่นสร้างบ้านให้โดยทำตามที่เขาออกแบบ เป็นของขวัญให้แม่


รูปแบบกลยุทธ์ และการนำเสนอแผนงาน

ทำ Ad Banner ตาม website ต่าง ๆ อาทิ Yenya4 , kapook ,sanook ,postjung ,hi5 ,facebook ,teenee ,4sheard ,
mthat ,music siam เป็นต้น
โดยสร้างเกมส์ออกแบบบ้าน ใส่ไปใน banner ด้วย และหากเราเปิดตัว banner ลงหรือชี้เม้าส์ค้างไว้ จะปรากฏข้อความเกี่ยวกับการประกวดการออกแบบบ้าน ภายใต้แนวความคิด “บ้านสวยด้วยมือเรา” และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก website ชวนชื่น โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับกติกาดังต่อไปนี้

1.ความคิดสร้างสรรค์
2.สามารถสร้างได้จริง



ของรางวัล
รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่ และรับสิทธิพิเศษในการซื้อบ้านตามเงื่อนไข


การประกาศผล
ประกาศผลทาง website ชวนชื่น

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เกมส์ปลูกบ้าน



เป็นเกมส์ตัวอย่างที่จะ แสดงให้ผู้เข้าชม เป็นออกแบบบ้านของตนเองให้บริษัทเคหะการมั่นคงเป็นผู้สร้างบ้านตามความฝันของเรา อย่างตามที่ภาพประกอบ

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

facebook เพื่อนใหม่ที่น่าสนใจ

ลายท่านคงได้ยินชื่อ facebook ว่าเป็น social network ที่ได้รับความนิยมสิ่งหนึ่งในโลกซึ่งถ้าในต่างประเทศ ความยิ่งใหญ่ของ facebook มีมากกว่า hi5 เสียอีก แต่ในประเทศไทยของเรา hi5 ยังครองความเป็นเจ้า ของ social network ในหมู่คนไทย แต่อย่างไรก็ตาม เราลองมาดู ประวัติของ facebook กัน

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 mark zuckerburg ได้เปิดตัวเว็ปไซต์ facebook ซึ่งเป็นเว็บประเทศ social network ที่ตอนนั้น เปิดให้เข้าเฉพาะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดเท่านั้น แล้วเว็บนี้ก็ดังขึ้นมาในชั่วพริบตา เพราะแค่เพียงเปิดตัวได้สองสัปดาห์ ครึ่งหนึ่งของนักศึกษาที่เรียนอยู่ที่มหาวิยลัยฮาร์เวิร์ด ก็สมัครเป็นสมาชิก facebook เพื่อเข้าใช้งานกันอย่างล้นหลาม และเมื่อทราบข่าวนี้ มหาวิยาลัยอื่น ๆ ในเขตบอสตันก็เริ่มมีความต้องการ และDustin moskowitz และ christ hughes เพื่อช่วยกันสร้าง facebook และเพียงระยะเวลา 4 เดือนหลังจากนั้น facebook จึงได้เพิ่มรายชื่อและสมาชิกของมหาวิทยาลัยอีก 30 กว่าแห่ง

ไอเดียเริ่มแรกในการตั้งชื่อ facebook นั้นมาจากโรงเรียนเก่าในระดับมัธยมปลายของมาร์ค ที่ชื่อฟิลิปส์ เอ็กเซเตอร์ อะคาเดมี โดยที่โรงเรียนนี้ จะมีหนังสืออยู่หนึ่งเล่มที่ชื่อว่า the exeter face book ซึ่งจะส่งต่อ ๆ กันไปให้นักเรียนคนอื่น ๆ ได้รู้จักเพื่อน ๆ ในชั้นเรียนซึ่ง face book นี้จริง ๆ แล้วก็เป็นหนังสือเล่มหนึ่งเท่านั้น จนเมื่อวันหนึ่ง มาร์คได้เปลี่ยนแปลงและนำมันเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต

เมื่อประสบความสำเร็จขนาดนี้ ทั้งมาร์ค ตัสตินและฮิวจ์ ได้ย้ายออกไปที่ Palo alto ในช่วงฤดูร้อนและไปขอแบ่งเช่าอพาร์ตเมนท์ แห่งหนึ่ง หลังจากนั้นสองสัปดาห์ ปาร์คเกอร์ก็ย้ายเข้ามาร่มทำงานกับมาร์คในอพาร์ตเมนท์ โดยปาร์คเกอร์ได้ช่วยแนะนำให้รู้จักกับนักลงทุนรายแรก

facebook ยังเติบโตต่อไปจนถึงเดือนกันยายนปี พ.ศ. 2549 ก็ได้เปิดในโรงเรียนในระดับมัธยมปลาย เข้าร่วมใช้งานได้ และในเดือนถัดมา facebook ได้เพิ่มฟังชั่นใหม่ โดยสามารถให้สมาชิก เอารูปมาแบ่งปันกันได้ ซึ่งฟังชั่นนี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามไดเรบเงินเพิ่มจากการงทุนเพิ่มอีก greylock

จากจำนวนสถิติเหล่านี้ ไมโครซอฟต์ได้ร่วมลงทุนใน facebook เป็นจำนวนเงิน 240 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อแลกหุ้นจำนวน 16 % ในเดือนตุลาคม 2551 ทำให้มูลค่า รวมของ facebook มีมากกว่า 15000 ล้านบาท และทำให้ facebook เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 5 ในหมู่บริษัทอินเทอร์เน็ตในสหรัฐอเมริกาด้วยมูลค่ารายรับต่อปี หลายฝ่ายได้อธิบายว่า การตัดสินใจของไมโครซอฟต์ในครั้งนี้ทำเพียงเพื่อจะชนะ google ซึ่งเป็ฌนคู่แข่งที่จะชอซื้อ facebook ในครั้งเดียวกันเท่านั้น